ถ้ำพระขยางค์ ใจคนจร เรืองราวจากคนรอนแรม ถ้ำพระขยางค์

ถ้ำพระขยางค์

เดิมชื่อถ้ำเขาหยั่ง อยู่ในเทือกเขาในเขตตำบลลำเลียง ห่างจากที่ว่าการอำเภอ กระบุรี ๑๘ กิโลเมตร โดยมีทางแยกซ้ายจากถนนเพชรเกษม (ระนอง - ชุมพร) ที่กม. ๕๖๓ -๕๖๔ เข้าไป ๑ กิโลเมตร ถ้ำพระขยางค์เป็นถ้ำขนาดเล็กซึ่งมีตำนานเก่าแก่เกี่ยวกับการสร้างเมืองกระบุรี จากปากถ้ำเข้าไปประมาณ ๔๐ เมตร มีบันไดขึ้นสู่ด้านบน สามารถทะลุออกภายนอกซึ่งเป็นที่เชื่อกันว่ามีการนำเอาสมุนไพรที่หายากมาปูลกไว้ การเที่ยวชมควรเตรียมไฟฉายติดตัวไปด้วย บรรยากาศในถ้ำค่อนข้างอับชืน และเป็นที่อยู่ของฝูงค้างคาว นอกจากนี้ในช่วงตรุษจีนของทุกปี จะมีการจัดเทศกาลงานปิดทองบริเวณถ้ำพระขยางค์ เป็นเวลา ๓-๗ วัน เพือเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเข้าชมความงามของถ้ำตลอดจนสมุนไพรต่าง ๆ ที่อยู่บนเขา

 

บรรยากาศบริเวณถ้ำ (ข้อมูลส่วนนี้ โดยตัวผู้เขียนเอง ผิดถูกประกาณใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย)

ลักษณะทั่วไปของถ้ำพระขยาง เป็นภูเขาหิน ขนาดเล็ก ที่มีทางเดินรอบเขา ประมาณ ๑ กิโลเมตร ลักษณะเป็นเขาหินปูน และหินปะการัง ตัวถ้ำเป็นลักษณะโพรง เข้าไปในภูเขา ทะลุออกตอนบนของเบา และเหนือขึ้นไป มีช่องแคบๆ เป็นปล่องหลีบ กว้างไม่เกิน ๕๐ เซ็นติเมตร ให้พอเบียดเข้าไปได้ หลังจากนั้นต้องปีนปล่องหินปะการัง ขึ้นสู่ยอดสูงสุดของเขาได้

ซึ่งสร้างในสมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช เป็นศิลปะสมัยทวาราวดี (อยู่บนยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 2,000 ฟุต) โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.4) ได้พระราชทานเงินหลวงให้เป็นทุนในการบูรณะปฏิสังขรณ์ และในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน (ร.9) ได้ทรงพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุให้มาบรรจุในองค์พระเจดีย์

จากยอดเขาตังกวนนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองสงขลาได้โดยรอบ สามารถขึ้นไปเที่ยวชมได้ มีบันไดอยู่ทางถนนราชดำเนินใน ทุกๆ ปีในเดือนตุลาคม จะมีงานพิธีห่มผ้าองค์พระเจดีย์ และประเพณีตักบาตรเทโวและลากพระของสงขลา ก่อนจะถึงยอดเขายังมีศาลาวิหารแดง (พลับพลาที่ประทับ)


หลังจากจาก ผ่านทางเดินมืด ๆ มาถึงบันได เราก็จะพอกับ หินย้อยขนาดใหญ่ สะท้อนแสงระยิบระยับ สวยงามจับตามากครับ (ผมพบตอนลงกลับละ ตอนขึ้นยังไม่ชินกับความืด )

มุมานะกันต่อฝ่าบันได มืด ๆ ชัน ๆ มารับแสงอีกช่วงหนึ่งของ โพรงระบายอากาศ และจุดชมวิวมองลงจากโพรงระบายอากาศมองขึ้นบ้าง โอ้ว์ บับไดชันจัง
ภาพมุงมองลงไปยังทางที่เราใต่ขึ้นมา กับ ทางที่เราต้องปีนขึ้นไป สุดทางภาพทางขวา เป็นจุดที่สิ้นสุดของโพงถ้ำสำหรับคนทั่วไป แต่ไม่สำหรับผม

จากจุดที่สุดปลายบันได วงรีสีเหลืองทางซ้ายนี่เป็นช่วงสั้น ๆ ที่จะต้องปิน ประมาณ ๒๐ เมตร เพื่ออกสู่ "สวนหิน" (ผมตั้งชื่อเองละ) เป็นจุดที่น่าจะเป็นส่วนที่ตำนานว่า เป็นที่ปลูกสมุนไพร และเป็นจุดชมวิวด้วย

วงกรมสีเหลืองอีกจุด คือจุดที่เปลี่ยนชีวิตหลายคน เพราะเป็นจุดที่ซ่อน หลืบสำหรับปีนขึ้นสู่ยอดเขาเอาไว้ ก่อนจะมุดเข้าไปออกมาชมสวนหินกันก่อนดีกว่า
บรรยากาศที่สวนหิน มองออกสู่ภายนอกจาากจุดที่ยืนครับ

เป็นไงครับ บรรยากาศสวนหินที่คุยไว้
ภาพขวา มองจาก หลืบของภาพซ้ายครับ หันหลังกลับไปมองสู่ภายนอก สวยมั๊ยละ
หายเหนื่อยยังปีกันต่อได้ละ ไปมุด และปีนป่ายสู่จุดสูงสุดของยอดเขากัน

เป็นไง แทรกตัวเข้าไปในหลืบ ขนาดตัวเล็ก ๆ ยังต้องเบี่ยงตัวเลยนะ แล้วต้องปีนปล่องอีกกว่า ๓ เมตร
ยังไวค่ะ มาจากฝั่งโน่น
ผ่านมาได้ก็ต้องปีนหินปะการังกันต่อ โน่นครับ ฝั่งกระโน่นปะ พม่า ปีต่ออีกนิดให้ถึงถึงยอดเขากันนะ
ถึงแล้วครับ ยอดเขา มาดูรอบ ๆ กันดีกว่า

หลังจากชมความงามบนยอดเขา จนอิ่มใจ เราก็ตัดสินใจปีนกลับทางเิดิม แหม ทำท่าว่าจะหลงด้วยละ ไม่เสียชื่อจริง ๆ

ชมบรรยากาศทางเดินรอบเขากันบ้างดีกว่า ก่อนอื่นต้องบอกกล่าวกันก่อนว่า รอบ ๆ เป็น พื่นที่พลุ มีต้นจาก ลำพู ขึ้นอยู่ทั่วไป มีทางเดินให้เดินสบาย อากาศดี ไม่มีน้ำเน่า ไม่มีมลพิษ เดินชมไปเรื่อย ๆ ทำใจเย็น ๆ กันนะ

ให้ดูกันทั้งเบื้องหลังเบื้องหน้าเลย

(กลับสู่แผนที่ระนอง)

อนุสรณ์ถึงอดีตอันเป็นที่รัก

 
Edite By | Phoenix |Valentine 2007