เปิดพะเนินทุ่งปี ๔๙ ใจคนจร เรืองราวจากคนรอนแรม

เปิดพะเนินทุ่งปี ๔๙

กลับมาอีกครั้งกับดินแดนความหลังฝังใจ ปีกลาย โอกาสไม่เหมาะเพราะมาหน้าฝน ไม่ได้ยลทะเลหมอก จนต้องมาล้างตา ณ ยอด 1225 ในช่วงเวลาต้นปี แต่อย่างไรก็ดี ก็ไม่ใช่พะเนินทุ่งยอดนี้อยู่ดี สบโอกาสอีกที จะพลาดได้อย่างไร

อาศัย ทริปโบกกระจายของเจ้าแงซาย มีน้ำใจจัดทริปโบกเปิดพะเนินทุ่งอีกที หลังจากที่ปิดการจรจรและพักแรมช่วงหน้าฝน

ให้ป่าไดัพักฟื้น ให้เจ้าหน้าที่ได้พักผ่อน ให้เวลาได้สร้างธรรมชาติอันงดงามให้เรามาชมกันกันอีกแล้ว แหม จะอย่างไร สวรรค์ใกล้กรุง ก็ต้องพะเนินทุ่งอยู่แล้ว

พะเนินทุ่งมีอะไร ทำไมต้องไปพะเนินทุ่ง

พะเนินทุ่งเป็นยอดเขายอดหนึ่งของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ความสูง ๙๔๗ เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นจุดชมทะเลหมอกที่ขึ้นชื่อของ อช.แก่งกระจาน





การเดินทางสู่แก่งกระจาน เนื่องจากทริปนี้เป็นทริปโบกหารเฉลี่ย ดังนั้นการเดินทางก็ต้องโบกสิครับ เอาโบกแล้วมันจะอะไรยังไงกันละ ก็เอาเป็นว่าสำหรับทริปนี้ เราอาศัยปั๊มเจสแสมดำ เป็นฐานปฏิบัติการ(โบก) นับยอดสรุป ที่ไปจริง ๆ แล้ว สรุปได้ ๑๕ ชีวิต นัดกันดิบดีเวลาสองทุ่ม

แต่งานนี้ กระผมผิดเวลา ขอสารภาพด้วยความสัจ ว่ามาถึง สามทุ่มครับ ทำให้ท่าน ๆ ทั้งหลาย พลอยล่าช้า ต้องขออภัยจริง ๆ

คุณแม่จอมซ่าร์

ใครเป็นใคร

หลังจากได้รถ คันแรก ร่วม ๆ สามทุ่มครึ่งไปแล้ว เจ้าแงก็แสดงความรับผิดชอบ ด้วยการส่งผมไปกับสาว ๆ ก่อน (ขอบใจนะ) อ้าว ๆ นั่นพี่น้ำ เจ้าเกดก็มา นี่คุณแม่จอมซ่าเจ้าแจด นั่นน้องเอ็ม โน่นน้องจริ๊ง แล้วก็นี่ น้องหรือพี่มิว??

ขวาพี่น้ำ ส่วนคนกินน้ำเจ้าเกด

ณ ท่ายาง

หลังจากที่เพื่อน ๆ ต้องทนฟังกระผมโม้ท้าลมหนาว มาร่วมสองชั่วโมงผ่านไป ห้าทุ่มกว่า ๆ เราก็มาถึงท่ายาง ดีใจกันไหม เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการโบก เราทั้งหมดลงความเห็นกันว่า จะบรรจุกระเพาะด้วยก๋วยเตี๊ยวโกเด้ง นี่ละ เพราะระยะทางข้างหน้า ยังไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นใด
...........ทานอิ่มหนำเสร็จสรรพ ก็โทรเช็คกลุ่มหลัง เอ้าแม่เจ้าปรากฏว่าตามาถึงทางยางแล้ว มิหนำยังโบกได้รถคันเดียวกันอีก สรุป๑๕ ชีวิต อัดอยู่หลังรถหกล้อพาเราห้อตะบึงถึงป้อมตำรวจริมเขื่อนเพชร

บรรยากาศณท่ายาง
 

จากป้อม ตำรวจ เราก็โบกต่อ แกมโบกได้รถตำรวจอีกงานนี้สืบสาวเสร็จสรรพ ตามหน้าที่ตำรวจไทย ได้ความว่า พี่ท่านมีนามว่าพี่ตุ้ย เป็นตำรวจอยุ่ที่อำเภอแก่งกระจาน ยินดีช่วยเหลือประชาชนพลเมืองด้วยความเต็มใจ ด้วยการให้พวกเรา(ทั้งหมด)อาศัยไปถึงหน้าอำเภอแก่งกระจาน

แล้วก็แสงดงความห่วงใยว่าพวกเราทั้งหลายจะพักที่ไหนกัน จะพักที่นี่ก่อนไหม แล้วจะไปส่งพรุ่งนี้ หรือจะให้พี่ไปส่งที่ทำการ
เมื่อพี่ยินดีไปส่งพวกกระผมจึงขอรบกวนพี่ตั้งแต่คืนนี้เลยครับ รบกวนพากพวกกระผมไปเก็บที่ทำการอุทยานเลยดีกว่าครับ

ก่อนกลับพี่ตุ้ยยังกำชับว่า ถ้าพรุ่งนีไม่มีรถกลับ มาที่อำเภอนะพี่จะไปส่สง แต่หลังจากพี่ไปลอยกระทางก่อน ซาบซึ้งจริง ๆ ครับพี่

พักเอาแรง ณ ที่ทำการ เรามาถึง ก็ล่วงสู่วันที่ 4 แล้ว หมายความว่า เราเหลือเวลาพักผ่อนไม่กี่ชั่วโมง นัดหมายเวลาตีห้า หารถโบกขึ้นพะเนินทุ่งกันต่อ


เอ้าตื่นๆ สาวๆ ตื่นได้แล้ว
อยากบอกเจ้าแงจับใจว่าไม่ต้องปลุกหรอก หนาวจะแย่ ใครไม่ตื่นบ้างละ ก็เมื่อคืนอะ เล่นบอกว่ามีเวลานอนแค่๒-๓ ชั่วโมงไม่ต้องกางเต้นท์ก็ได้ปูนอนก็พอ หนาวจับใจอะสิก็คืนนี้ ๑๗ องศานะพี่น้อง ดีนะที่ข้าน้อยรู้แก้ว ขึงเปลนอน อิ อิ

เช้ามา ตีห้านิด ๆ เราก็อัดกันอยู่หลังกะบะตอนครึ่งอีกแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเจ้าแงซายไปอ้อนไว้ตอนไหน ตื่นมาเราก็มีรถแล้วละ งานนี้อัดกันแน่น ช่วยให้อุ่นกายได้ไม่น้อย ส่วนอุ่นใจเรื่องนี้ของใครของมัน ++

เราขออาศัย แค่ไปถึงด่านสามยอดเท่านั้นครับ เพราะต้องทำเรื่องขออนุญาติ ไม่อยากให้พี่ ๆ ต้องเสียเวลา

ด้วยความว่องไวปานกามนิตหนุ่ม ในเวลายังไม่ทันทำเอกสารเดินทางเสร็จเราก็โบกได้รถขึ้นพะเนินทุ่งแล้วละ

สู่พะเนินทุ่ง อีกครั้งที่แบ่งกำลัง ๗ คน ไปชุดแรก เป็นผมอีกแล้วที่ต้องให้สาว ๆ ดูแล

เหตุการชะงัก เป็นเรื่องปกติระหว่างการเดินทาง สู่พะเนินทุ่ง

ไม่มีอะไรต้องกังวลครับ งานนี้เราได้รถพี่ อบต.แก่งกระจาน เจ้าของพื้นที่ เพราะงั้นสบายใจได้ แต่อยากไรก็จับมั่นๆ ละกันนะ ทางมันวบากอยุ่ไม่น้อย

งั้นก็ชมบรรยากาศ ระหว่างทางกันดีกว่า

หลังจากที่อิ่มหนำกับอาหารค่ำ สุดอร่อยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ได้ข่าวว่าบางคนเห็นใจพี่ ๆ เจ้าหน้าที่ ที่ต้องไปต่อท่อน้ำกลางค่ำกลางคืน ก็เลยพยายามลดภาระด้วยการอาบแห้งซะงั้น ก็ไม่ว่างกันครับ ใครใคร่อาบ ก็อาบ ใครใคร่ นอนก็นอน ใครยังนอนไม่หลับก็มาล้อมวงฟังพี่ฑูร พูดคุยให้แง่คิดสักนิดก่อน หลังจากนั้นก็ฟังเจ้าแงซาย สาธยาย เรื่องต่าง ๆ ซะดึกดื่นค่อนคืน จึงแยกย้ายไปเต้นท์ใครเต้นท์มัน เอา แล้วเต้นท์ผม โดนยึดโดยสาว ๆ แล้วจะให้กระผมนอนไหนละทีนี้ เห็นแก่ที่ ทุกเต้นท์เต็มหมดแล้ว (แย่ง...มะได้ ก็ต้องนอนเปล ) ยะเยือกเลยคืนนี้ 12 ํจับใจเลยสิคืนนี้



เช้าแล้ว

อย่างไรก็ดี แม้คืนอันหนาวเหน็บ ท่ามกลางเสียงลมพัดอู้ ใบไม้ไหว นกกลางไพรยามคืนค่ำขับขานกล่อม กับเสียงฟันกระทบกันเพราะความหนาว เราก็ผ่านมันมาได้ด้วยความผ่องใสจากธรรมชาติ อากาศอันสดชื่อและการอพักผ่อน

ตื่นมาตอนเช้า สาว ๆ ยังไม่ยอมออกจาเต็นท์เลย
ประกาศ ๆ สาว ๆ ตอนนี้เช้าแล้ว พระอาทิตย์จะขึ้นแล้วจ้า ไปถ่ายรูปกันดีกว่า

เสียดายอะ วันนี้พระอาทิตย์ท่าจะขี้อาย ถ้ายได้แต่สีท้องฟ้า แต่ว่า เราก็ไม่เสียใจหรอกนะ ฟ้าออกจะสวย ขนาดนี้

หลังจากมั่นใจว่า วันนี้ จะไม่สามารถถ่ายภาพ พระอาทิตย์ขึ้นได้แน่ ๆ แล้ว เราก็ กลับไปหาทะเลหมอกอีกครัง


ยังคงประทับใจกับ ทะเลหมอก

แต่อย่าบอกใครละ ว่า มาเป็นครั้งที่เท่าไหร่

พะเนินทุ่งไม่ได้มีจุดชมทะเลหมอกแค่จุดเดียวนะ แล้วเราจะชมอยู่แค่จุดเดียวทำไม ไปกันต่อสิ

งั้นก็ไปกันที่ บริเวณ เรือนรับรองบ้างดีกว่า
ระหว่างทางไม่ลืม สองถามจำเส้นทางนั้นได้ไหม(ใครจะจำไม่ได้ ทางไปน้ำตกทอทิพย์)

บริเวณ ศาลา ระหว่าง ทางไปเรือนรับรอง

 



"นกที่ตื่นตอนเช้า ยอมจะมีโอกาส เลือกกินหนอนตัวอ้วน ๆ" ฉันใด คนที่ตื่นเช้าก็ย่อมมีโอกาสที่จะทำอะไรได้มากก่าคนตื่นสาย

 

หยุดไม่ได้ ต้องไปให้ถึง "เรือนรับรอง"

 

ยืนอยู่บนผืนดินไทย

หน้าเรือนรับรอง

ว๊าว ๆๆๆ แวดล้อมด้วยสาวน่ารัก ๆ ทั้งนั้น
ของคุณพี่น้ำที่ดูแลตลอดทริป
ขอบคุณน้องเกดที่ชงกาแฟมื้อเช้าให้
(กาแฟขอพี่น้ำมาอีกที )
ขอบคุณ จ้อน ที่ลุยด้วยกันตลอดทริป
ขอบคุณสามสาว ที่แย่งเต้นท์ ถุงนอน ให้โอกาสเราได้นอนเปลที่พะเนินทุ่งสมใจ


ลานกางเต้นท์ ที่เรานอนกันเมื่อคืน อยู่ปู้นแน๊ะ


เอ่อ...น้องจ๋า ต้นไม้จ๊ะ ไม่ใช่...อย่าไปกอดมันเลย(อิจฉา)

มุมด้านหลังเรือนรับรองจ้า หลายคนไม่ได้ไป ก็เก็บภาพมาให้ชมแล้วนะ อย่างอน

   

อย่างไวว่องครับ เราออกอาการเดิมอีกแล้ว โบกรถได้ไป กม 36 กันอีกครับ โดนอีกแล้วครับหลายคนโดนทิ้งอีกแล้ว

เก็บภาพ ณ กม 36 ตอกย้ำว่า วันนี้ เรามาเยือน



 

ด้วยสภาพหมอกที่ฟุ้ง ทำให้มองอะไรไม่เห็นมากนัก แต่ก็สวยละ นานๆ จะได้จมอยู่ในหมดแบบนี้สักที ก็รู้สึกดีเหมือนกัน

ระหว่างทางกลับ เราได้พบกับ ค่างแว่นถิ่นใต้ เจ้าถิ่นขนานแท้ แถมใจดี ให้ถายภาพสวย ๆ มาฝากกันด้วย รักนะค่างแว่น

อ้าว เที่ยวซะเพลิน สายละ สูดหมอกกันไปเต็มบอดแล้ว กลับไปดู เพื่อน ๆ กันดีกว่า ว่า ร้องให้ขี้มูกโบ่งยัง


กลับไปถึงปรากฏว่า อาหารการกินพร้อมสรรพ อีกครั้ง น้อง ๆ นั่งรอกันแล้ว รู้สึกจะหน้าบึ้ง ๆ หน่อย ๆ ละ แบบว่า อาบน้ำเสร็จแล้วด้วย งั้น เราก็ทานข้าวกันดีกว่านะ วันนี้ เรามีอาหารเช้าเป็นข้าวต้ม ได้ข่าวว่า หัวหน้าหน่วยเป็นเจ้าภาพเลี้ยงครับ (ขอบคุณครับ ผมจัดการไปสองชาม อร่อยมั๊ก ๆ)

หลังจากอิ่มหนำสำราญกันแล้ว เราส่วนหนึ่ง(ที่หนีไป กม 36) ก็แยกย้ายกันไป อาบน้ำ

เสร็จสรรพ ไล่ที่ครับ...ใครนอนเต็นท์ผม เก็บสมบัติยัดลงเป้ด้วย จะเก็บเต็นท์แล้ว

แบกมาจาก กทม ทั้งที ไม่มีวาสนาได้นอน

 

สิบสี่ชีวิต เอ้า แล้วอีกคนละพี่น้องไปไหนอีกแล้ว มาคุ่มมาโครอยู่ไหน กลับมาได้แล้ว เค้าจกลับกันแล้ว เด๋วก็....

มาครบแล้ครับ 15 ชีวิต กับพี่ทูรสุดหล่อ ผู้ช่วยเหลือดูแลพวกเราตั้งแต่ย่างเท้าผ่านบ้านกร่างมา


ชักสงสัยครับ ไม่รู้ กระผมและกลุ่มโดนแบน หรือเปล่า หรือว่าน้อง ๆ เค้ายังไม่สำนึก(ว่าอาจโดนทิ้งอีก) เพราะไม่มีใครยอมมากับเราเลย

ก็เป็นอีกครั้งที่ต้องแยกกลุ่มกันลงจากพะเนินทุ่ง คราวนี้น้อง ๆ โชคดีที่พี่ ๆ โบกให้ไปถึงที่ทำารฯ แต่พี่ ๆ โบกมาได้แค่บ้านกร่าง ก็เลยมาเก็บบรรยากาศบ้านกร่างกันต่ออีก



ผีเสื้อ ยามสาย ณ.โป่งผีเสื้อบ้านกร่าง

 

หลังจากตระเวนบ้านกร่างมาได้ เราก็ โบกได้ของพี่ชายใจดี ที่มาเที่ยวกับแฟนสาว
ให้เราได้ ไปถึงแสมดำเลย ระหว่างทาง ก็พาแวะขึ้นสันเขื่อนเก็บภาพสันเขื่อนอีกด้วย ขอบคุณครับ

แวะแม่กิ้มไล้ ให้พี่เค้าได้ทานข้าว ส่วนเราก็หาของฝาก

แล้วก็กลับสู่จุดเริ่มอีกครั้ง ที่แสมดำ
ขอบคุณทุกความทรงจำ และทุกคนที่เกี่ยวข้อง
ทั้งเพื่อนผองโบก ทั้งพี่ๆ เจ้าหน้าที่
ทั้งพี่ ๆ บรรดานักท่องเที่ยวที่ให้เราอาศัยโบก และมิตรภาพที่ได้ในการเดินทางครั้งนี้

   
Phoenix(11/9/06)

 

 
Edite By | Phoenix |Valentine 2007