ทริปเบาๆ กับเป้หนักๆ
จากการนัดหมายกับเพื่อนหลายๆ คนว่าจะไปเยือนระนอง ลิ้มลองของอร่ย ที่เคยพาไปชิมเมือสงกรานต์ปีกลาย
ก่อนเดินทางสองวัน ปรากฏว่าสมาชิกถอนตัว 100%(เรียบ) เหลือเราอยู่คนเดียวทำไงดี ไม่น่ามัวแต่รอคนนั้น
คนนี้เลย(แอบบ่นนิดหนึ่ง) แล้วนี่ตั๋วก็ยังไม่ได้จองเอาไงดีหว่า..เราก็มีงานยุ่งเหมือนกันนะ จะล้มเลิกดีไหม?
"ไม่"คำตอบเด็ดขาดจากใจ ตั้งใจแล้วต้องไป..ไหนจะบอกเพื่อนๆ ที่ระนองไว้แล้วด้วย ดีเหมือนกันรอบนี้จะได้ขึ้น
เขาพ่อตาโชงโดงเลย..
แล้วเอาไงดีหว่าจะไปซื้อตั๋วรถที่สายใต้ก็เห็นจะไม่คุ้มเพราะค่ารถไปกลับก็ร่วม 200 แลกกับค่าตั๋ว 400 กว่าๆ งั้น
เสียงเอาข้างหน้า(วันเดินทางเลยแล้วกัน)
ถึงวันเดินทางจริงๆ เอาแล้วไงรถเต็มหมด จริงๆ ก็ควรจะได้ที่นั่งจากตั๋วรถเสริมนะ แต่ว่า...พอได้ยินคำถามจาก
คนขายว่า"น้องไปกี่คนค่ะ" "คนเดียวครับ"ตอบไปใจหวิวๆ"แล้วน้องข้างหลังไปกี่คนค่ะ" "สองค่ะ"ได้คำตอบแล้วครับ
สองที่นั่งสุดท้าย ถูกจัดให้คนมีคู่ไปแล้ว(สองคนที่เข้าแถวต่อจากเราไปซะงั้น) ตกรถสิแบบนี้
ความหวังยังไม่หมดเมื่อคนขายบอกว่าเอาที่นอนคนขับรถไหม นั่งได้สองที่ สบายกว่าด้วย (ถ้าเป็นยามปกติ รถป.1
หรือ VIP ที่นอนคนขับนี่สบายไม่ใช่น้อย แต่นี่รถเสริมไม่เสี่ยงดีกว่า) "ไม่ครับ "คราวนี้ชัด 100% ตกรถแล้ว
ไงต่อดี
เดินวนไปวนมา..หารถต่อดีกว่าเผื่อมีรถเสริมอีก...(ไม่มีรถผ่านระนองแล้ว) ลองดูรถที่ไปชุมพรก็ได้ เด๋วค่อยต่อ
รถไปอีกที ก็ยังดีกว่านอนเช้าอยู่สายใต้ ได้รถเสริมสมใจ แต่ราคา 460 บาท
ถ้าใครไม่เคยนั่งรถเสริมช่วงเทศกาลขอบอกเลยว่าความรู้สึกมันเป็นอย่างนี้ครับ เมื่อนนั่งรถ VIP- ป.1 คุณ
หวังว่าทุกคนจะไม่ปิดช่องแอร์ของตัวเองหมดเพราะมันหมายถึงว่าถ้าคุณเปิดช่องเพียงนิดเดียวแอร์ทั้งลดจะวิ่งมา
ออกที่นั่งคุณทันที และมันจะยะเยือกเกินบรรยาย
แต่เมื่อคุณนั่งรถเสริม(ป.2)..คุณจะเฝ้าคอยภาวนาว่า แอร์รถคันนี้จะมีพอให้ทุกคนได้ใช้หายใจและไม่ร้อนจน
ประสาทแดกกันทั้งรถ...